พระแท้ พระดี ดูด้วยอะไร แล้วพระ เบญจภาคี ?

เบญจภาคี

 

“พี่ๆ พระอะไรกำลังดัง….”
“พี่เอกครับพระอะไรที่คนนิยม…”
“คุณเอกครับ พระอะไรแพงๆแล้วคนอยากได้มากที่สุด..”
“………………..”
“กูจะไปรู้เหรอวะ…………….”


โอ้ย แม่งเอ้ย ถามแบบนี้ใครจะตอบได้ คนถามไม่มีพื้นฐานเรื่องพระ มาถามคนมีปัญญาอย่างผม ก็ยังยากที่จะตอบ พระเครื่องมีมาเป็นร้อยๆปี ตั้งแต่ครั้งปะสังปู่ย่าตาทวด นู่นเขาทำกันมาหลายร้อยปี หลังพุทธกาล มาถึงอยุธยา จนบัดเดี๋ยวนี้ก็รัตนโกสินทร์ตอนปลายเข้าให้แล้ว พระยุคแรกๆที่เขานิยมกันก็เช่น พระบูชายุคเชียงแสน อู่ทอง สุโขทัยพูดไปก็ไม่รู้หรอกสติปัญญาคนเราไม่เท่าเทียมกัน เอาว่าเราพูดถึงพระเครื่องก่อนดีกว่า “พระเครื่อง” ที่พูดถึงนี้เอาสิ่งมงคลที่เอาไว้แขวนคอ แรกๆก็พระเนื้อชิน คือโลหะคล้ายตะกั่ว แต่มีเงิน ผสมเป็นหลักใหญ่ อาจจะผสมหลายอย่าง แต่สมัยก่อนตะกั่วเป็นสิ่งไม่มีราคาเขาจึงไม่นิยมกัน พระเนื้อชินที่ดังๆก็เช่น พระร่วง หลังรางปืน สร้างน้องขึ้นจากกรุก็น้อย มีหลายกรุ ชินราชใบเสมา ก็หายากแพง มเหศวร ก็เช่นกันหายากแพง พระเหล่านี้คนสมัยก่อนมักถักเชือกแขวนคอ และเกิดประสพการณ์มากมาย อีกทั้งยังมีพระเนื้อดินยุคเก่าๆอีก พระเหล่านั้นถือเป็นพระเครื่องสากลนิยมยอมรับ แต่เราจะมาพูดถึงพระเครื่องที่คนนิยมอยากได้ นั่นก็คือพระสมเด็จ พิมพ์ทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าแนวตั้ง ที่เจ้าประคุณสมเด็จโตสร้าง แต่ก็ใช่ว่าใครก็อยากได้ ใครก็จะแขวน เปล้า เปล่าเลย คนก็ยังแขวนพระโบราณ เช่นพระร่วง พระชินเงินต่างๆ รวมถึงพระกรุเนื้อดิน เช่นซุ้มกอ เม็ดขนุน ฯลฯ หรือกระทั่งทางสุพรรณที่เขาว่าเหนียวยกชุด “สี่กร มอญแปลง ประคำรอบ ปรกชุมพล” เอาพระสมเด็จไปแลกเจ้าของยังไม่อยากคุยด้วยเลย หรือทางใต้ พวกนางตรา กรุท่าเรือ หรือหลวงปู่ทวด เอาพระสมเด็จไปแลก อาจจะหลับใต้ต้นยางไม่ได้กลับบ้าน แต่ในปัจจุบัน ตั้งแต่”ตรียังปวาย”(คือใครขี้เกียจตอบ บอกไปพวกคุณก็ไม่มีปัญญาจะรู้จักหรอก)ท่านได้นำพระทั้งห้าอย่างมาจัดเป็นชุด พระ” เบญจภาคี ” นั่นแหละพระสมเด็จถึงมีคนรู้จักและต้องการ จนแซงหน้าพระอื่นๆ “ เบญจภาคี ” ประกอบด้วย

๑.พระสมเด็จวัดระฆัง

๒.พระซุ้มกอ

๓.พระรอดมหาวัน

๔.พระนางพญาฯ

๕.พระ ผงสุพรรณ

k027sk023s k028s k031s k036s

แรกหัสเดิมเลย พระทุ่งเศษรฐีหรือพระลีลาเม็ดขนุน ถูกจัดอยู่แทนพระซุ้มกอ แต่เนื่องด้วยหายาก จึงใช้พระซุ้มกอแทน พระทั้ง๕ ที่เอ่ยมา คือพระที่รวมแล้วเรียก”เบญจะภาคี” ปัจุบัน หาให้ได้อย่างหนึ่งอย่างใดก็หายาก พระแท้แทบจะไม่มีหมุนเวียนเข้าสนามพระ มีแต่ของเก๊ ให้ซื้อขาย เลี้ยงปากเลี้ยงท้อง ว่ากันไปตามกรรม หลายคนอวดว่า”กูนี่แหละโว้ยมีครบเบญจะ” ส่วนมากขี้โม้กันทั้งนั้น แม้แต่ที่รวยๆ ก็โดนเซียนแหกตามาแล้ว แต่ยังนึกว่า”กูเจ๋ง”มานาน เมื่อมีพระแท้ มีคนอยากได้พระสมเด็จ ก็ไม่น่าแปลกที่จะมีคนทำปลอม เขาว่ากันว่ามีทำปลอมหลังสมเด็จท่านสิ้นไม่นาน ก็สุดแท้แต่จะโมเมนั่งเทียนเขียนกันไป ผมเองไม่อยากเอ่ยถึงพระ เบญจภาคี และไม่แนะนำให้เพื่อนพ้องน้องพี่ไปสนใจกับพระหลักๆแพงๆ อยากให้ตักน้ำใส่กะโหลกชะโงกดูเงาหัวของตัวเองเอาไว้ ให้หันมามองพระในถื่นฐานบ้านเกิดของตัวเองดีกว่า แต่ก่อนที่จะไปดูพระกัน เราต้องมียาป้องกันพระบางอย่างเอาไว้ด้วย พระบางอย่างที่ว่านี้ อย่าไปยุ่งวุ่นวาย อย่าไปงมงายลุ่มหลง เอาน่าเชื่อลุงแล้วหนูจะเสียว………
พระที่ว่านี้คือ”พระกุวังหน้าฯ”หรืออีกชื่อคือ”พระเก๊มือผีปาหี่วังหน้าฯลฯ” มันคืออะไร มันเป็นอย่างไหง เอาว่าจะมาสาธยายให้ฟังจน หลับคาตักลุงเลยเชียวอีหนูเอ้ย…………..


เรียบเรียงบทความโดย : เอก คลองกะทุ่ม

เครดิตรูปภาพ : http://www.amulet2u.com

Comments

comments