“รถไฟ เรือเมล์ ลิเก เซียนพระ”
|“รถไฟ เรือเมล์ ลิเก เซียนพระ”
คำโบราณจากปะสังปู่ย่าตาทวด กล่าวผูกเป็นวลีค้ลองจอง เอาไว้สอนลูกหลาน ยิ่งลูกผู้หญิงยิ่งควรรับฟัง “รถไฟ เรือเมล์ ลิเก ตำรวจ”
สี่อย่างนี้เพียงคร่าวๆ ที่สอนใจลูกหลาน ว่าสิ่งที่ยกขึ้นมานั้น “เชื่อถืออะไรไม่ได้เลย อย่าไปไว้ใจโดยเด็ดขาด”
รถไฟ เด็กรุ่นผมก็คงจะได้ยินบ่อยๆ “ถึงก็ช่าง ไม่ถึงก็ช่าง…” คือไม่มีเวลาที่แน่นอน บางขบวนดีเลย์เป็นหลายๆชั่วโมง จะกำหนดเวลาแน่นอนไม่ได้เลยทีเดียว
เรือเมล์ ก็เฉกเช่นเดียวกับรถไฟ คือจะคิดว่ามันจะมาเวลานั้นเวลานี้แน่นอน แต่มันก็มักจะไม่มาตามเวลา ช้าไปบ้าง เร็วไปบ้าง เชื่อถือไม่ได้
ลิเก ไอ้นี่สำคัญสำหรับผู้หญิง แม่ยกที่เป็นสาวแก่แม่ร้าง หรือสาวสวยรุ่นแรกแย้ม หากหลงคารมคมหอกละก็ หนีตามพระเอกยี่เกไปก็จะมีแต่ช้ำ เพราะพวกนี้อยู่ไม่เป็นที่ หาความแน่นอนอะไรมิได้ แถมยังเจ้าชู้ประตูหลังอีกด้วย (แต่คนอย่างอาจารย์เอก คลองกะทุ่ม ไม่เจ้าชู้แต่ชอบประตูหลัง) เหมือนกับพวกหนังขายยา พวกนี้คารมดี มักจะเกี้ยวเด็กสาวจนหลงคารมแล้วก็ ” ดึ๊ก ดึ๊ก ดื่อ ดึ๊ก ขึ้น คร่อม ขึ้นคร่อม ขึ้นคร่อม ดึ๊ก ดึ๊ก” จากนั้นก็หายวับไป อาจจะทิ้ง ของฝากไว้ดูต่างหน้า เป็นเด็กตัวน้อยๆ ผู้ใหญ่เขาถึงเตือนนักเตือนหนา
ตำรวจ แหมเอ่ยมาแล้วก็ไม่อยากอรรถาธิบายอะไรมาก พฤติกรรมมันฟ้อง ถ้าได้ดีก็ดีไปแต่ถ้าได้แบบไม่ดีก็ กรรมทั้งชีวิต แถมชาวบ้านก็รังเกียจ ไอ้ที่ดีก็คงจะมีบ้างแหละ แต่มันหายาก ยิ่งกว่างมเข็มในอวกาศเสียอีก นะจ๊ะ
ยกตัวอย่างมาให้อ่านกันคร่าวๆพอเข้าใจ แต่ในที่นี้ผมขอยกตัวอย่างใกล้ๆตัว มันจึงเป็นที่มาของ ”รถไฟ เรือเมล์ ลิเก เซียนพระ” ก็เซียนพระ นี่ก็ไม่ธรรมดา แทบจะรวมเอาสี่อย่างสี่อาชีพนี้เข้ามาด้วยกัน เป็นเซียนพระฟังดูน่าจะดี เห็นดังๆออกรายการโทรทัศน์ แต่ละคนร่ำรวยใส่ทอง มีพระราคาหลายร้อยล้าน แต่ที่จะนำมาพูดนี่ เพื่อน้องๆ พี่ๆ ที่ไม่ทราบเรื่องราวในวงการ จะได้ทราบบ้าง เพื่อเป็นความรู้ อาชีพเซียนพระมีหลายระดับ แต่แทบทุกคนที่ประกอบอาชีพนี้ ส่วนใหญ่รุ่นเก่าๆ จะผ่านความยากลำบาก กว่าจะประสบความสำเร็จ บางคนร่ำรวยมีชื่อเสียง ส่งลูกเรียนสูงๆ บางคนตายไปกับความเงียบเหงา ยากจน ก็อยู่ที่บุญทำกรรมสร้าง ทั้งชาติที่แล้ว หรือชาตินี้ ขายกินเหล้า(ไม่รู้เวล่ำเวลา) เล่นการพนัน ติดผู้หญิง ก็มักจะเจริญยาก ที่อยู่ๆก็ดิ้นรนกันต่อไป หลายท่านคงไม่เชื่อว่าอาชีพซื้อขายพระเนี่ย ส่วนมากต้องตื่นตี3 หรือตี4 เพื่อที่จะออกเดินทางไปสนามพระ ถึงสนามตี5 หรือ 6 โมง บางทีก็ยังไม่ทันการซื้อขาย ยิ่งเช้ายิ่งได้พระก่อนใคร ซื้อ100บาทอาจจะขายได้พันหมื่นแสนล้าน ว่ากันไป อยู่ที่ความเก่ง
อยากบอกว่าในวงการพระ เขาจะรู้กันว่าใครเก่งจริง มีไม่กี่คนหรอกครับ แทบจะนับคนได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าคนเก่งจะต้องรวยทุกคน เซียนบางคนดูพระได้เพียงแค่ระดับนึงเท่านั้น แต่รวย เพราะ”หัวการค้าเขาดี” พระเก๊ก็ขายได้ ยิ่งพวกพระสมเด็จ เซียนหลายคนรวยเพราะขายพระสมเด็จเก๊ หรือ แท้ ไม่มีใครพิสูจน์ เพราะรู้กันแค่คนซื้อกับคนขายเท่านั้น ยกตัวอย่างคนระดับนายพล รัฐมนตรี อาเสี่ยพันล้าน ซื้อพระไปองค์นึง30ล้าน เก๊แท้ไม่รู้ แต่เอาไปให้ใครดูเขาก็ต้องว่าดีทั้งนั้น คนที่ดูแล้วบอกไม่ดี เจ้าของพระจะเชื่อหรือไม่ ดีไม่ดี แต่หลังจากดูพระเขาเก๊ไม่กี่วัน ก็มีคนมาเยี่ยม แล้วก็ปุ้งๆๆๆ กลับไปเฝ้าเงี่ยมล่ออ๋อง ในปรโลก เจ้าของพระเขาไม่ทำหรอกครับ แต่คนขายน่ะ”เขาเอามึงแน่” อย่าว่าแต่ราคาหลายสิบล้านเลย แค่ล้านนึงถ้ามีการคืนกันโดยรู้ว่าใครสวดพระจนต้องคืนเงิน เขาก็จะมาเยี่ยม จะเบาหรือหนักกำหนดไม่ได้ อาจจะแค่ตบหน้าเตือน หรือให้ซื้อในราคาทุน หรืออาจจะกระทืบเบาๆ ให้นอนโรงพยาบาลสักสองสามวัน ถ้าแรงสุดก็อย่างที่บอก ไปเฝ้าเงี่ยมล่ออ๋อง ถ้าเป็นเซียนพระต้องหูไวตาไวมีเพื่อนฝูง ฟังข่าวสังคมพระเยอะๆและเวลาใครเอาพระมาให้ดู เราพิจรณาแล้วว่าไม่ใช่พวกคนเดินดินกินข้าวแกงธรรมา ก็อย่าทะลึ่งไปสวดพระเขา ในวงการ พระใครก็มีที่มาทั้งนั้น คนไหนขายให้ใครอย่างไรต้องรู้ และระวังคำพูดให้มากที่สุด
คราวนี้มาดูกันว่าทำไม? เซียนพระถึงจัดอยู่ในกลุ่มเชื่อถือไม่ได้ จากประสบการณ์ที่เห็นมา ยกตัวอย่าง เช่น คุณมาร์ค พระโขนง มีพระอยู่หลายสิบองค์ อยากจะขายซะเอาเงินไปใช้จ่าย ก็มีคนแนะนำให้เอาไปขายในสนามพระหรือกับเซียนพระ ก็พอดีไปเจอกับเซียน แม้ว คลองเปรม เซียนแม้วก็เลือกดูพระของมาร์ค พระโขนงแล้วเห็นว่ามีพระแท้ราคาแพงอยู่ปะปนมากับพระเก๊หรือพระไม่มีราคา เซียนแม้ว คลองเปรมก็จัดแจง แยกพระเก๊พระย่อย อกกจากพระแท้ แล้วถามซื้อพระย่อๆพวกนั้น โดยแยกพระแท้ออกไปบอกว่าพวกนี้เก๊ ถ้าตกลงราคากันได้ โดยที่เซียนแม้ว คลองเปรมดูแล้วว่ากำไรเต็มซ่นตรีนแล้ว ก็ตกลงจ่ายตังค์ แต่ “ถ้าคุณโทรเข้ามาตอนนี้….” แต่นะครับ เซียนแม้ว คลองเปรมก็จะทำทีเอ่ยขอพระเก๊ที่แยกเอาไว้ เอามารวมกัน เจ้าของพระที่ไม่ได้คิดอะไร บางคนก็เห็นว่าเป็นพระเก๊ ก็ให้เขาไป แม้ว คลองเปรมก็ยิ้มแฉ่ง คิดในใจว่า”รสหวานทานง่าย” เป็นยังไงครับ วิธีนี้ เขาทำกันมาแทบทุกผู้ทุกตัวคน อันที่จริงมันยังมีวิธีการที่ลึกซึ้งกว่านี้ นี่แค่เบาๆเท่านั้น
คราวนี้มาดูพฤติกรรมของเซียนพระอีกแบบ วันนึงกำลังนั่งกระดิกเท้า(อาจจะกระดิกอย่างอื่นด้วย)อยู่ที่ร้าน มีสาวน้อยหน้าตาจิ้มลิ้ม ขาวสวยหมวยเอ๊กซ์ ถือพระมาขาย คุณว่าเซียนพระจะสนใจอะไรมากกว่า(แต่อย่างอาจารย์เอก คลองกะทุ่มสนใจพระอย่างเดียว เพราะเป็นคนที่รักครอบครัวมากที่สุด อะแฮ่มๆ) เซียนดูพระแล้วก็มีแต่พระเก๊ พระย่อย แต่ก็ถามซื้อ แถมให้ราคาดีจนเพื่อนฝูงที่อยู่ใกล้ๆ ตกใจแทบตกเก้าอี้ ปกติใครเอามาขายมรึงจะตวาด ก่นโคตร พูดจากดูถูก แต่คราวนี้หน้ามือเป็นหลังตรีน พูดเพราะจนครูสมัยมัธยม ที่ตายไปแล้วนอนสะดุ้ง
“เอางี้ก็แล้วกัน ลุงช่วยหนูเป็นค่ารถนะจ๊ะ หรือว่าให้ลุงไปส่งก็ได้ ลุงว่าจะไปธุระแถวนั้นพอดี..”
เอางี้นะ น้าช่วยค่าเทอมหนู พระแค่นี้ไม่พอหรอกนะจ๊ะ น้าช่วยทำบุญ….เอ ทำไมแฟนไม่มาด้วยล่ะ….”
“ดีแล้วเลิกกับมัน อย่าไปคบกับมันเลย ถ้าหนูไม่มีอะไรทำ ก็มาหาน้าได้ มาดูแลตู้ให้น้า น้าเองไม่มีใคร…..”
“ไปหาอะไรทานกันดีกว่านะครับ ให้สบายใจ เรื่องพระเอาไว้ก่อน ผมซื้อทั้งหมด ตอนนี้หิวข้าวแล้ว….ไปหาอะไรทานกันดีกว่านะ….”
ค่าหอพักน้องไม่ต้องห่วง พี่จัดการให้ ดีแล้ว เลิกกับมันไปเถอะ ไอ้ผู้ชายเฮงซวยแบบนั้น…พี่จะดูแลวหนูเอง…..”
เมาหรือยัง พี่ไปส่งนะ…..”
“อ้าว หนูเมามากกลับบ้านไม่ไหว เดี๋ยวที่บ้านหนูจะดุเอา แวะพักก่อนพอหายเมาแล้วลุงจะไปส่ง…”
เอาน่าที่นี่แหละพักก่อน…ลุงไม่ทำอะไรหรอก เฮ้ยบ๋อย เบียร์อีกสองขวด……………………………………………………………….”
เอาน่า น้ารับผิดชอบเอง ไม่ต้องเสียใจ น้าไม่ทิ้งหนูแน่……….”
”… ลุงรักหนู เหมือนลูกหลาน ถึงให้หนูดูเอ็น เอ้ย! ไม่ใช่เอ็นดูหนูน่ะ มามะ มาให้ลุงชื่นใจ………………”
นั่นแหละครับบทสรุป แต่ถ้าจบสวยมันก็ดี แต่ที่มีมาหาถึงตู้พร้อมกับคุณพ่อ(ตำหนวด)ก็มีบ่อย แถมโดนข้อหาพรากผู้เยาว์ บังคับข่มขืนใจ แถมอีกด้วย นี่คือพฤติกรรมคร่าวๆ ที่คนอย่างผมไม่เคยแม้แต่จะคิดทำครับ เพราะผมเป็นคนรักลูกรักเมีย
เอก คลองกะทุ่ม