“ ศัพท์เฉพาะในวงการพระ ”

“ ศัพท์เฉพาะในวงการพระ ”

ศัพท์เฉพาะในวงการพระ

ในวงการพระ มักจะมีคำพูดที่คนอื่นฟังแล้วงง อาจจะไม่เข้าใจหรือแม้แต่เด็กรุ่นใหม่ก็อาจจะฟังแล้วฉงนใจ ว่าพี่พูดอะไรกันฟระและก็อีกนั่นแหละ ศัพท์เฉพาะแบบนี้อาจจะมีเพิ่มเติมเกิดขึ้นได้ เปลี่ยนไปตามสมัยนิยม อย่างเมื่อก่อนคนรุ่นเก่าบอกว่า แจ๋ว เจ๋ง เฟี๊ยว เก๋า เริ่ด สุดยอด ฯลฯ ก็เปลี่ยนมาเป็น สุดติ่งกระดิ่งแมว สุดตรีน รวมไปถึงคำพูดแปลกๆ เช่น เช็ดเข้ เจ๊ดโด้ แม่ย้อย หรือแปลกหูแต่ความหมายดีเช่น มาโจ๊ด หลัน กานดูโจ๊ด ฯลฯ คำพูดเฉพาะในวงการพระ ที่มีมาแต่เดิมเช่น

1. ไทเกอร์ ฟังดูมันไม่น่าจะเกี่ยวกับวงการพระไปได้ แต่มันมีที่มาครับ ไทยเกอร์ แปลว่า เสือ คำว่า”เสือ” ในวงการพระมาจาก คำว่าจับเสือมือเปล่า หมายความว่า หยิบพระตู้นี้ ไปขายตู้นู้น หยิบพระสนามนี้ไปขายสนามอื่น โดยไม่ลงทุน เขาเรียกย่อๆกันว่า”เกอร์”(เก้อ)หรือบางทีเรียกว่า”หิ้ว”ก็ได้ เช่นเซียนจุก บางพลัด เกอร์พระสมเด็จจากตู้เซียน แม้ว บางขวาง ในราคาสามล้านบาท ไปขายให้กับท่านอาจารย์เอก คลองกะทุ่ม ในราคาสามล้านยี่สิบบาท เซียนจุกได้กำไรเหนาะๆ ยี่สิบบาท ไม่ต้องลงทุน แถมกลับมาหาเซียนแม้ว บางขวาง อาจจะได้เปอร์เซนต์จากการขายอีกยี่สิบ รวมแล้ว สี่สิบ สบายไป

2. รับหมัด ยกตัวอย่าง เช่นเซียน เลียบ บางพลัด โดนพระเก๊เน่าๆด้วยความโง่ในบรมสันดาน แต่มีวิธีการใดวิธีการหนึ่ง ผ่องถ่าย หรือ ขายให้คนอื่นไป ทำให้เซียนเรียบ บางพลัด ขายพระเก๊นั้นออกไปได้ แต่คนที่ซื้อต่อไป เขากระซิบนินทา ว่า ไอ้หมอนั่น”รับหมัด” ไปแล้ว

3. พระเก๊ พระมือผีกุวังหน้า พระสนาม ของเล่น อันนี้สำคัญมาก เราต้องหมั่นเดินดูพระตามสนามพระบ่อยๆ ยิ่งพระในสนามตลาดล่าง ที่เป็นที่ชุมนุมพระเก๊ พระมือผีกุวังหน้า เช่น ตลาดพญาไม้ ท่าพระจันทร์ จะมีมุมที่ขายพระที่ทำขึ้นมาเอง มีทั้งพระเหมานับร้อย ใส่กระจาด รูปถ่ายทำเก่า พระเนื้อดินเผา เหรียญเก๊ใส่กระจาด หากเดินเข้าสนามจะเห็นได้ พระแท้ไม่วางเกลื่อนกลาดแบบนั้น ยิ่งพระเก๊มือผีกุวังหน้า จะมีขายอยู่ก่อนถึงทางเข้าสนาม ซอกที่ขายกล่องพระ เดินเข้าไปดูได้ ของเล่น ก็คือ ของที่ทำขึ้นมาเอง ทำให้ดูเก่า มีทั้งนางกวัก เขี้ยวเสือ กะตุด เบี้ยแก้ กะลาแกะราหู ฯลฯ จารานัยไม่หมด คนนอกที่ไม่รู้เรื่องพระก็มักจะทึกทักเอาว่าของพวกนี้เก่า แต่ที่จริงมันเพิ่งทำกันขึ้นมาเพื่อหลอกขาย พวกที่ไม่มีสติในการพิจราณาสิ่งต่างๆ

4. หงิก เก๊ เก๊เน่าๆ ทั้งหมดนี้หมายถึงพระเก๊ บางทีพูดต่าหน้าเจ้าของพระที่เอามาให้ดูไม่ได้ เซียนกับเซียนที่อยู่ใกล้ๆกันจะสื่อสารกันด้วยการงอนิ้วชี้ลงจนสุด แล้วยื่นให้พรรคพวกดู แสดงว่าพระนั้น เก๊ การที่เราเอาพระเข้าไปขายสนาม หากเซียนดูแล้วไม่พูดอะไรต่อ ไม่ถามราคา แสดงว่าพระเราหงิก หรือเก๊นั่นเอง

5.พระหลัก ,พระย่อย ,ย่อยๆ ยำ พระหลักคือ พระที่เล่นหานิยมกันในวงการพระ ไปไหนใครก็รู้ เช่นพระสมเด็จ พระชุดเบญจะภาคี ขุนแผนบ้านกร่าง พระหลวงปู่ทวดปี2497-2508 พระกรุเนื้อดิน เช่นพระเม็ดขนุน พระลีลา เนื้อชิน เช่นพระร่วง หลังรางปืน หรือแม้แต่พระเกจิดังๆที่ติดลมบนเช่น หลวงพ่อกวย หลวงพ่อพรหม หลวงปู่ทิม วัดระหารไร่ หลวงพ่อคูณ หลวงพ่อ จาด จง คง อี๋ ฯลฯ พระย่อย,ย่อยๆยำ คือ พระที่เรารับมาจากวัดในงานกฐิน ผ้าป่า หรือคนนู้นคนนี้ให้ พระดีๆแพงๆไม่มีใครเขาให้กัน หากไม่ได้มีคุณูปการกันอย่างมากล้น บางทีพ่อให้ลูก ปู่ให้หลานยังเป็นพระเก๊เลย เพราะคนให้ไม่มีความรู้เรื่องพระอย่างจริงๆ พระย่อยๆถือเข้าไปขายสนาม แม้จะมีมากถึงสองร้อยองค์ บางทีเขาดูแล้ว ร้อยนึงก็ไม่อยากจะซื้อ แต่ว่ากันว่าปัจจุบัน มีพระย่อยเยอะๆ หารวมกันให้ได้เป็นพันองค์ขึ้นไป ไปขายเหมาได้ ก็ถือว่าไม่เลว

เอาแค่นี้ก่อน วันหลังจะหามาให้อ่านกันอีก

*ขอออกตัวว่าไม่ได้เป็นเซียนที่เก่งอะไร ไม่ดัง แต่หน้าตาดี ที่เอาบทความมาลงก็เพราะว่าอยากให้คนที่อยากรู้เรื่องราววงการพระ เป็นอย่างไร อาชีพนี้มันมีอะไรดี และหรือมันเลวกันได้ขนาดไหน ติดตามต่อไปครับ ไม่แคร์ใครจะว่าด้วย*

เรียบเรียงบทความโดย เอก คลองกระทุ่ม

 

Comments

comments